Sunday, March 27, 2016

"บุญ...ทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างไร"

เมื่อก่อนตอนเป็นเด็ก เวลาทำบุญก็ไม่คิดอะไร ไม่ได้อธิษฐานอะไรมากนัก ทำบุญเพราะพี่สาวชวนให้ทำ เช่น ตักบาตรทุกเช้า ไปวัดวันอาทิตย์ หรือบางทีก็คิดอยากจะทำเอง เช่นเรียนธรรมะในโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ตอนชั้นประถม 

แต่พอโตมา ก็เริ่มอธิษฐานจิต นึกถึงบุญกุศล เริ่มตั้งทิศทางให้กับบุญที่เราจะได้ว่า ปรารถนาอะไร แปลกดี สิ่งที่คิด สิ่งที่อธิษฐานมักจะเป็นจริงเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน เรื่องการเงิน เรื่องครอบครัว พี่น้อง พ่อแม่ อืม..เป็นไปในทางที่ดี อย่างที่เราคิด เราตั้งใจไว้จริงๆ

ที่เห็นผลได้ชัดจนถึงวันนี้ เอาตัวอย่างหนึ่งแล้วกัน คือ บุคลิกลักษณะ น้ำเสียง การพูด ของเราดีขึ้น 
ช่วงปี 53 ได้ไปช่วยชวนบวชที่ต่างจังหวัด เราเป็นพิธีกรนำเจ้าภาพกล่าวคำถวายสังฆทานตลอด 3 เดือนช่วงเข้าพรรษา (คือไปตามหาเจ้าภาพเอง และเป็นพิธีกรเอง เบ็ดเสร็จเลยว่างั้น) ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครทักเลยว่า เราเสียงดี แต่พอ 3 เดือนที่ได้เป็นพิธีกร กับชวนคนมาสร้างบุญ ถวายภัตตาหารพระที่ศูนย์อบรมทุกวัน จบโครงการแล้ว เวลาพูดคุยกับใคร หรือได้เป็นพิธีกรที่ไหน เขาก็ชมว่า เราเสียงเพราะ เสียงดี น้ำเสียงกังวาน ไม่ได้มีคนบอกแค่คนเดียว มีหลายคน ในหลายๆ ที่ ที่รู้จักกันเห็นความเปลี่ยนแปลงของน้ำเสียงเรา และทักจนเราอดสงสัยไม่ได้

ส่วนเรื่องบุคลิกภาพ ลักษณะท่าทาง เราองอาจขึ้น มั่นใจมากขึ้น คนชอบทักว่า ทำไมเราหน้าเด็ก หน้าใส อะไรทำนองนี้ตลอดเลย เราก็มักจะยกความดีนี้ให้คุณพ่อคุณแม่ว่า พ่อกับแม่เป็นคนจีน ทั้งสองท่านตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ อายุ 80 กว่าแล้ว ก็ยังหน้าเด้งอยู่เลย เราเป็นลูกท่าน ก็คงได้อานิสงส์มาน่ะ แต่ในใจลึกๆ ก็แอบชื่นชมบุญกุศล ที่ทำให้เราคิดดี พูดดี ทำดี เป็นคนดี แล้วธาตุในตัวเราก็คงจะดีตามไปด้วย 

เราสังเกตอยู่เหมือนกันว่า เราเป็นคนหนึ่งที่มักจะมีจังหวะชีวิตที่ดีเสมอๆ เช่น เวลาขับรถไปไหนมาไหน มักจะมีที่จอดรถดีๆ แบบไม่ได้ตั้งใจ หรือมักจะมีช่องทางที่ทำให้เดินทางได้สะดวกโยธินอยู่เสมอๆ หรือมีความจำเป็น ความต้องการอะไร ก็มักจะมีคนให้สิ่งๆ นั้น หรือของนั้นๆ อย่าง งงๆ เสมอๆ เป็นอะไรที่เรียกว่า "ประจวบเหมาะ" อยู่บ่อยๆ 

พอเราได้เห็น ได้ประสบผลของบุญ หรือจังหวะชีวิตดีๆ ก็ทำให้เรามีแต่ความสุขเสมอ ไม่ค่อยมีความทุกข์เท่าไร มักจะสบายใจ สุขใจ เดินไปก็ยิ้มไปได้ เข้าใจเลยว่า ทำไมเมืองไทยสมัยก่อนจึงได้ชื่อว่า สยามเมืองยิ้ม เพราะทุกคนขยันสร้างบุญแล้วก็มีความสุข ยิ้มออกมาได้อย่างบริสุทธิ์ใจ  

ช่วงนี้ เรารู้สึกว่า ใจมันเกลี้ยงๆ ไม่ต้องการอะไร ส่งผลให้เวลานั่งสมาธิ ใจก็จะรวมได้ง่าย หยุดนิ่งได้ไม่ยาก ปล่อยวางได้เร็วขึ้น พร้อมทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง อย่างที่ครูบาอาจารย์สอน พอเห็นผลจากการนั่งสมาธิ เราก็ยิ่งมีความสุขขึ้นไปอีก 

นึกถึงบุญทีไรก็ปลื้มทุกที นี่เป็นบางส่วนของผลแห่งบุญที่เราตั้งใจสั่งสม จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ส่งผลมาจากจิตใจที่มีบุญกุศลหล่อเลี้ยง  ส่วนผลของบุญที่จะส่งต่อไป เราก็มั่นใจว่า ชีวิตเราจะมีแต่ขาขึ้น ไม่ลุ่มๆ ดอนๆ แต่มีเคล็ดลับการทำบุญนิดนึงนะว่า ต้องทำบุญให้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ และไม่หวังผลของบุญ ทำด้วยใจที่สะอาดบริสุทธิ์ ทำบุญหวังบุญอย่างเดียว แล้วอธิษฐานกำกับให้บุญมีทิศทางในการส่งผล เช่น นิพพาน ปจฺจโย โหตุฯ ให้หมดกิเลส เข้าถึงพระนิพพาน เป็นต้น 

ขอให้มีความสุขกับการสั่งสมบุญ สร้างความดีกันทุกคนนะคะ


No comments:

Post a Comment